โพรไฟล์ ปราการหลังป้ายแดง ปราสาทสายฟ้า

โซลวี ออตเตเซน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับทีมดังในบ้านเกิดอย่าง ไวกิงเกอร์ เรคยาวิก ปี 2001 ลงช่วยทีม 36 เกม พาทีมเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 สู่ ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นลีกสูงสุดได้ จากนั้นปี 2004 ออตเตเซน ย้ายไปร่วมทีม เยอร์การ์เด้น จากศึกออลสเวนส์คาน ลีกสูงสุดของสวีเดน ลงสนามให้ทีม 35 เกม ทำไป 2 ประตู ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกออลสเวนส์คาน ในปี 2005 รวมถึงคว้าแชมป์บอลถ้วยสเวนส์ก้า คัพ ได้ 2 สมัยติดปี 2004 และ2005

เข้าสู่ปี 2008 ปราการหลังจอมแกร่งชาวไอซ์แลนด์ ก็ถูก ซอนเดอร์ไจสกี ดึงตัวมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ด้วยค่าตัว 100,000 ยูโร ลงสนามไป 54 เกม ทำไป 6 ประตู จนถูกบรรจุชื่อเข้าสู่ Wall of Fame กำแพงแห่งเกียรติยศของสโมสร

จากนั้นปี 2010 ออตเตเซน ที่ดังเป็นพลุแตกในแดนโคนม ประเทศเดนมาร์ก ก็ถูก เอฟซี โคเปนเฮเกน ยอดทีมแชมป์ของประเทศดึงตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 1,350,000 ยูโร ลงสนามให้ทีม 43 เกม ทำไป 8 ประตู ซึ่ง ออตเตเซน เป็นขุนพลชุดสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีม ซึ่งเป็นทีมแรกจากเดนมาร์ก ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ โดยรอบแรกอยู่ร่วมสายกับ บาร์เซโลน่า, พานาธิไนกอส และรูบิน คาซาน ซึ่งก็จบอันดับที่ 2 เข้าไปพบกับ เชลซี ทีมดังของอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีโอกาสช่วยทีมลงเล่นศึกยูโรป้า ลีก อีกด้วย

โซลวี ออตเตเซน ตลอดปี 2010 – 2013 สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเดนมาร์ก ได้ 2 ครั้ง และเป็นรองแชมป์ 1 ครั้ง รวมถึงคว้าแชมป์ดีบียู โพคาเลน ได้อีก 1 ครั้ง

จากนั้นปี 2013 ออตเตเซน ก็โยกซบทีมอูราล สเวิร์ดลอฟ โอบลาสท์ ทีมจากศึกรัสเซีย พรีเมียร์ลีก ลงสนามให้ทีมไป 33 เกม

เมื่อเข้าสู่ปี 2015 ออตเตเซน ก็เดินหน้าเข้าสู่วงการลูกหนังเอเชีย เล่นในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก กับทีมดังอย่าง เจียงซู เซียนตี้ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น เจียงซู ซูหนิง ในเวลานี้ ด้วยค่าตัว 750,000 ยูโร ลงสนามให้ทีม 26 เกม ทำไป 3 ประตู เป็นส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ของจีน และได้ไปเล่นในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2016

จากนั้นปี 2016 ออตเตเซน ก็ย้ายไปร่วมทัพกับ หวูฮั่น ซอลล์ ทีมในดิวิชั่น 1 จีน ลงสนามไป 24 เกม ยิงไป 3 ประตู ก่อนที่ปี 2017 โซลวี ออตเตเซน จะถูกดึงตัวมาร่วมทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในที่สุด

ส่วนผลงานในระดับทีมชาติชุดใหญ่ของ โซลวี ออตเตเซน ลงสนามไป 28 เกม ช่วยให้ทีมชาติไอซ์แลนด์ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ยูโร 2016

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม https://web.facebook.com/BuriramInRace/