“รมว.ท่องเที่ยว-กีฬาฯ” แย้มรัฐบาลเตรียมต่อสัญญา “โมโตจีพี” ดีเดย์เจรจา 23 ส.ค.นี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันหนักแน่น “รัฐบาลไทย” พร้อมต่อสัญญา โมโตจีพี ในเมืองไทยไปออกไปอีก 3 ปี หลังหมดสัญญาในปี 2020 ดีเดย์นัดเจรจาข้อตกลง โดยมีนัดหารือกับดอร์น่าสปอร์ตตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้
ประเทศไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยถูกบรรจุเป็นสนามที่ 15 ของฤดูกาล 2019 มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้
ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน),บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, กรมการขนส่งทางบก และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้จัดงานแถลงข่าวความคืบหน้าความพร้อมของการจัดการแข่งขัน รวมถึงรายละเอียดความยิ่งใหญ่ของกิจกรรมต่างๆ ของ โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เตรียมไว้รองรับแฟนความเร็วจากทั่วโลก
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกยกมาพูดถึงอย่างมาก คือ สัญญาของประเทศไทยกับ ดอร์น่า สปอร์ต ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี นั้นจะหมดลงหลังจบปี 2020 ขณะที่หลายฝ่ายต่างรอท่าทีของภาครัฐสำหรับการสนับสนุนงบประมาณในการต่อสัญญา
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า กระทรวงฯ มีแผนในการต่อสัญญาจัด โมโตจีพี ออกไปอย่างแน่นอน
“เมื่อจบปี 2020 แล้ว เราจะพยายามต่อสัญญาต่อไปอีก 3 ปี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมหารือกับดอร์น่าสปอร์ต ของเจ้าของลิขสิทธิ์ในวันที่ 23 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงด้านต่างๆ” นายพิพัฒน์ เผย
ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงการสนับสนุนของภาครัฐสำหรับการแข่งขัน โมโตจีพี ในปี 2019 ว่า “กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จะให้การสนับสนุน โมโตจีพี อำนวยความสะดวก ประสานทุกภาคส่วนให้มีความพร้อมกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเราทราบว่าอาจประสบปัญหาบ้างเล็กน้อย โดยในตอนนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทยของเราก็ได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อบแล้วครับ”
“ทางกระทรวงของเรา จะพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนได้รับรู้ว่า ประเทศไทยของเรากำลังจะจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก ออกไปทั้วประเทศ และทั่วโลกโดยเครือข่ายของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อประหาศให้ทั่วโลกได้รู้ถึงความพร้อมของเรา และรักษาความเป็น Best Grand Prix of the year ไว้ให้ได้ในปี 2019”
“ปัจจุบันนี้ การกีฬาและการท่องเที่ยวนั้นเป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการที่สุดคือชักชวนให้คนมาเที่ยว ให้เงินอยู่ในเมืองไทย และให้กำลังใจสนามแข่งในบุรีรัมย์ เพื่อให้จัดการแข่งขันระดับโลกได้ ซึ่งผมอยากจะให้เกิดอีเวนนต์ระดับนี้ในกีฬาประเภทอื่นด้วย”
ทั้งนี้ พีทีที ไทยแลนด์ กรังดืปรีซ์ มียอดผู้เข้าชมทั้งหมด 222,535 คนซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ชมทั้งหมด 19 สนามจากทั่วโลก
ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบนโยบายและแนวทางการเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขัน โมโต จีพี 2019 ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2562 ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมกันจัดการแข่งขันให้ดีกว่าปีที่แล้วซึ่งเป็นปีแรกที่จัดการแข่งขัน ถือเป็นการนำกีฬามาต่อยอดเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ โดยการจัดการแข่งขัน โมโต จีพี นับเป็นรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วยส่งเสริมในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา การขยายตัวของอุตสาหกรรมกีฬา รวมทั้งช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ
“ตอนนี้เราได้รับมอบนโยบายจาก ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเรียบร้อยแล้ว เพื่อหาแนวทางที่จะให้มีการจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ต่อเนื่องไม่ใช่ถึงเฉพาะในปี 2020 เท่านั้น จากผลสำรวจของกองยุทธศาสตร์และแผนงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปีแรก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นรายได้หมุนเวียนในประเทศกว่า 3,053 ล้านบาท ทั้งในส่วนจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงในงานตลอด 3 วัน” ดร.ก้องศักด ทิ้งท้าย